Digi Era เคยเขียนรวบรวม Ads Extensions แบบต่างๆ เอาไว้ในโพสต์ก่อนหน้านี้ ซึ่งไมไ่ด้รวมถึง Image Extensions ที่เราได้นำมาเสนอในรอบนี้ โดยส่วนขยายอันใหม่นี้เพิ่งออกมาให้ได้ใช้กันแบบวงกว้างได้ไม่นานสักเท่าไหร่นัก ในวันนี้ทาง ‘Digi Era’ จึงอยากจะชวนเพื่อนๆ ลองมาใช้ส่วนขยายอันนี้กัน
เลือกอ่านเฉพาะบางหัวข้อที่คุณต้องการ
Image Extension คืออะไร?
เริ่มต้นกันด้วยพื้นฐานกันก่อนที่เราจะต้องทำความเข้าใจว่า ‘Image Extensions’ เป็นส่วนขยายหนึ่งที่ Google ได้ซุ่มพัฒนาและทดลองมานานพอสมควร ตั้งแต่ปี 2013 จากการรายงานของ ‘Wordstream‘ และในปี 2019 ก็ได้ออกส่วนขยายที่มีออกมาคล้ายๆ กัน โดยเรียกว่า Gallery Ads ก่อนที่จะหยุดไปในช่วงปี 2020 เพื่อหันมาให้ความสำคัญ ‘Image Extension’ แทน โดยในที่สุดในปี 2021 ก็สามารถปล่อยส่วนขยายนี้ให้เหล่า Advertiser ได้ทดลองใช้กันในวงกว้าง หลังจากงาน Google Marketing Live 2021 นั่นเอง อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุก ‘Ads Account’ จะสามารถใช้ ‘ส่วนขยายรูปภาพ (Images Extension) ได้ จะต้องผ่าน ‘Requirement’ ที่สำคัญอันประกอบไปด้วย
- ตัว Account จะต้องมีประวัติที่ดีในระดับหนึ่ง ปล. กูเกิ้ลเองไม่ได้บอกว่าใช้เกณฑ์ไหนในการตัดสิน
- ธุรกิจที่จะใช้ได้จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับ Sexual Content (สื่อสำหรับผู้ใหญ่), Alcohol (สุรา/สิ่งของมึนเมา), Gambling (การพนัน) หรือ Healthcare (สุขภาพ)
- สามารถใช้ได้จะต้องเป็น ‘Account’ ที่เปิดใช้งานมาแล้วนานกว่า 90 วันขึ้นไป (3 เดือน)
- จะต้องเป็น ‘Account’ ที่เดิมมี แคมเปญประเภทค้นหา (Search Campaign) รันอยู่
ถ้าธุรกิจของคุณผ่านกฏต่างๆ ที่ทาง Google ได้ตั้งขึ้นมาใน Ads Extension ของคุณก็จะสามารถเลือกใช้ส่วนขยายที่เป็นรูปภาพได้ อย่างไรก็ตามระบบก็ไม่ได้อนุญาตสำหรับทุกรูปภาพเสมอไป หากแต่ว่ารูปเหล่านั้นจะต้องผ่าน ‘Guideline’ ที่ Google นั้นได้ตั้งขึ้นมา ในวันนี้ ‘Digi Era’ จึงอยากจะชวนไปดูของจริงกันว่าควรตั้งค่าอย่างไร
Guideline ที่ Google วางเอาไว้มีอะไรบ้าง?
ทุกๆ ฟีเจอร์ที่ทาง Google ได้ออกมาย่อมมีกฏ และข้อห้ามประมาณหนึ่ง และ Image Extensions เรียกได้ว่าจะมี ‘Best Practise’ ที่เยอะพอสมควรที่เราจะต้องทำตามในสิ่งที่ได้กำหนดมา เพื่อไม่ให้ส่วนขยายของเรานั้น ไม่ผ่านการพิจารณา แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้นมาดูกฏพื้นฐานกันก่อน โดยที่กูเกิ้ลจะอนุญาตให้อัปโหลดไฟล์ภาพเพื่อนำไปเป็นส่วนขยายได้นั้น จะต้องไม่เกิน 20 ภาพ และจะต้องมีขนาดขั้นต่ำอยู่ที่ 300 x 300 Pixel หรือ 1200 x 1200 Pixel (Square 1×1) เพื่อให้รูปออกมาเหมือนกับตัวอย่างด้านบน อย่างไรก็สามารถที่จะลงภาพที่เป็น Landscape ได้เช่นเดียวกัน โดยขนาดขั้นต่ำอยู่ที่ 600 x 314 Pixel หรือ 1200 x 628 เป็นต้น
ทั้งนี้รูปภาพที่นำมาใช้เมื่อนำมาอัปโหลดจะต้องไฟล์สกุล JPG, PNG หรือ Static GIF เท่านั้น รวมทั้งห้ามมีขนาดของไฟล์เกิน 5120 KB ประมาณ (5MB) นอกจากนี้รูปภาพที่นำมาใช้จะต้องถูกต้องตามกฏหมายที่จะสามารถนำภาพดังกล่าวมาโฆษณาได้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Google Support นะจ๊ะ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงกฏแบบกว้างมากๆ แต่ทางกูเกิ้ลเองก็มีตัวอย่างให้ได้เห็นว่าภาพแบบไหนถึงจะผ่านการพิจารณา และแบบไหนจะไม่ผ่านพิจารณาสามารถดูได้จากด้านล่าง
Image Extension Format
ต้องเป็นรูปภาพที่ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งประกอบไปด้วย ‘Logo’ หรือ ‘Graphic Overlay’ บนภาพของคุณ และเพื่อให้ภาพสามารถดูตัวอย่างได้จากภาพด้านล่าง ซึ่งทาง Google ได้ทำมาเป็นตัวอย่างเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น หรือให้เข้าใจง่ายๆ ว่าภาพที่ใช้ควรจะเป็นภาพที่ดีไซน์มาไม่ได้เน้นขายมากจนเกินไป
จากตัวอย่างก็น่าจะบอกได้ว่าข้อแรกตัวภาพที่อัปโหลดอาจจะต้องไม่มีส่วนประกอบของ ‘Text’ เลย หรือควรที่จะมีได้แต่อาจจะให้ได้น้อยที่สุด อาจจะคล้ายๆ กับ 20% Text Overlay ของทาง Facebook Ads อีกข้อหนึ่งที่ห้ามเหมือนกันนั่นก็คือตัวภาพที่นำมาใช้ จะต้องมีพื้นที่สีขาวให้น้อยที่สุด แบบตัวอย่างด้านล่าง
แล้วถ้าเราเปลี่ยนเป็นสีอื่นมันจะให้ผ่านมั้ยนะ? ทั้งสองเป็นเพียงแค่ตัวอย่างของ Format ภาพที่ทางกูเกิ้ลเองนั้นได้กำหนดมา อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่เมื่ออัปโหลดไปเป็นส่วนขยายแล้วอาจจะทำให้ไม่ผ่าน
Image Extension ต้องตั้งค่าอย่างไร?
สำหรับแอคเค้าท์ที่จะสร้างส่วนขยาย (Ads Extensions) นี้ได้จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 90 วัน ดังนั้นถ้าเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ๆ คุณจะไม่เห็นฟังก์ชั่นนี้ เริ่มแรกเมื่อเข้ามาในแอคเค้าท์ก็ให้ไปที่ Ads & Extensions ตามภาพด้านล่าง ให้คลิก + เพื่อเลือกประเภทของ Extension ถ้าผ่านการพิจารณาคุณจะเห็น ‘Images Extension’ เป็นตัวเลือกอยู่เหมือนกับภาพตัวอย่างด้านล่าง ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ทั้งในระดับของแอคเค้าท์, แคมเปญ หรือ แอดกรุ๊ป เราก็สามารถเลือกได้เช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นระบบจะให้เราเลือกอัปโหลดรูปภาพที่เราได้เตรียมเอาไว้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักพักประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง อาจจะย้อนกลับมาดูอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ารูปที่ได้อัปโหลดขึ้นไปบน Google Ads ของคุณนั้นจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ ขณะเดียวกัน Image Extensions ยังมีทั้งแบบที่เป็น Manual ที่เราจะต้องเลือกอัปโหลดภาพเองทั้งหมด และแบบที่เป็น Dynamic ที่ระบบจะเลือกเข้าไป Crawling ที่เว็บไซต์ของคุณ และนำรูปภาพมาใช้เอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนการสร้าง Images Extension และข้อควรรู้ต่างๆ ที่ควรทำความเข้าใจก่อนที่จะลงมือทำ เพื่อให้ผ่านไปตามกฏที่ทาง Google นั้นได้วางเป็นแนวทางเอาไว้ให้ สุดท้ายเพื่อนๆ ท่านใดได้ทดลองใช้กันบ้างแล้ว อาจจะลองมาแชร์กันบ้างนะครับ
