อัพเดตปี 2020 > Google Analytics ได้ออกเวอร์ชั่นที่ 4 มาให้ได้ทดลองใช้งานกันแล้ว พร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ สามารถอ่านได้จากบทความนี้ > Google Analytics 4 Property คืออะไร และในบทความนี้จะเน้นไปที่ Universal Analytics (UA) หรือเวอร์ชั่นที่ 3 เท่านั้น ถ้าสนใจเวอร์ชั่นใหม่ให้ลองคลิกไปอ่านตามลิ้งด้านบน

เริ่มกันที่เรื่องเดิมๆ Google Analytics คืออะไร

Google Analytics หรือเรามักจะเรียกันสั้นๆ ว่า GA โดยมันเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เจ้าของเว็บไซต์ หรือบล็อกแบบอย่างของผม สามารถที่รู้ได้ว่าคนที่เข้าเว็บไซต์ของเราเป็นใคร มาจากไหน เป็นต้น โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ด้วยกันก็คือ Audience, , Behavior และ Conversion หรือจะเรียกสั้นว่าๆ ABC ถ้าคุณมีเว็บไซต์ แล้วต้องการที่จะทราบว่าเว็บของคุณมีคนเข้ามาเยี่ยมชมบ้างหรือไม่ ด้วยการใช้งาน Analytics ให้ติดตามบทความนี้ไปจนจบ

ต่อก็คงต้องเริ่มต้นที่การสมัครและติดตั้ง Google Analytics (แบบย่อๆ)

ก่อนที่คุณจะติดตั้งจะต้องสมัครเพื่อขอเปิดแอคเค้าท์ในการใช้งานกันก่อนครับ โดยให้ไปที่นี่ >> Google.com/analytics การสมัครก็ไม่ยากเลยครับเพียงแค่จะต้องมี Gmail หรือ อีเมลบริษัทที่เป็น Gsuite เท่านั้น ไม่สามารถใช้อีเมลของเจ้าอื่นได้ เมื่อสมัครเป็นที่เรียบร้อยก็มาเริ่มติดตั้งกันเลยดีกว่า

สำหรับการติดตั้งแบบเต็มๆ ผมได้เขียนเอาไว้ในบทความนี้ครับ สามารถคลิกไปอ่านได้ > การติดตั้ง Google Analytics บน WordPress ผ่าน GTM แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณไม่ใช่ WordPress ได้ติดตั้ง Tag Manager เอาไว้ก็จะเป็นวิธีแบบเดียวกันครับ แทบจะไม่ต่างกันเลย

หากแต่ว่าถ้าสมัครในทุกวันนี้ โดยเฉพาะหลังจาก Google Analytics เปลี่ยนมาเป็นเวอร์ชั่นที่ 4 ระบบจะบังคับให้ใช้แบบเวอร์ชั่นล่าสุด แต่ยังคงที่จะเปิดใช้งานแบบเดิมได้อยู่ครับ โดยผมได้บอกวิธีการเอาไว้หมดในบทความนี้ > Google Analytics 4 Property คืออะไร

Report ในส่วนต่างๆ ของ Google Analytics บอกอะไรคุณบ้าง?

ในต้นบทความได้บอกไปแล้วว่าตัว Google Analytics จะแบ่ง Report ออกเป็นส่วนๆ ต่าง เรามักจะเรียกกันว่า ABC Report ซึ่งก็คือ Audience, Acquisition, Behavior และ Conversions โดยในแต่ละส่วนจะทำการรายงานผลที่แตกต่างกันออกไป มาดูกันว่าแต่ละส่วนรายงานผลแบบไหนกันบ้าง

Real Time Reports

เมื่อคุณเข้าไปยังในหน้าใช้งานของ Google Analytics คุณจะเห็น Home เป็นส่วนแรก แต่นี่จะเป็นส่วนที่อยู่ต่อมาจากนั้น จะเรียกว่า Real Time Reports หน้าที่หลักๆ ของส่วนนี้ก็จะทำหน้าที่รายงานว่า ณ เวลาที่คุณกำลังใช้งานอยู่นั้นมีคนเข้าเว็บไซต์ของคุณเท่าไหร่ โดยสามารถที่จะดูข้อมูลแบบสดๆ โดยข้อมูลที่จะสามารดูไปพร้อมกันๆ ในส่วนนี้ประกอบไปด้วย

• เขาเข้าเว็บไซต์ของเราผ่านเครื่องมืออะไร โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์
• พวกเขาเข้าผ่านช่องทางไหนหรือแคมเปญอะไร
• ถ้าเว็บไซต์ของคุณอยู่หน้าแรกของ Google ก็จะบอกด้วยว่ามจากคีย์ไหน แต่ไม่ทั้งหมดนะ
• เมื่อมีคนเข้ามาเว็บพวกเขาได้สมัครสมาชิกหรือไม่ แต่ในฟังก์ชั่นนี้จะไม่ทำงานถ้าไม่ได้ติดตั้ง Event หรือ Goal Tracking

Audience Report

มาที่ส่วนแรกกันก่อนในส่วนนี้จะทำหน้าที่บอกกับเจ้าของเว็บไซต์ว่า คนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเราเป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่ รวมไปจนถึงคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรานั้นเป็นที่มีความชื่นชอบอะไรบ้าง เป็นต้น โดยส่วนมากข้อมูลพวกนี้จะเป็นข้อมูลที่มีจากประวัติการใช้งานของเรานั่นเอง เมื่อเข้าใช้ Google แล้วล็อกผ่าน Google Account (Gmail, Youtube) เป็นต้น

Acquisition Reports

ส่วนสำคัญที่คนทำการตลาดจะต้องทำความเข้าใจเพราะในส่วนนี้ Google Analytics จะบอกกับคุณว่า Users ที่เข้ายังมาเว็บไซต์ของคุณนั้น เขาไปเจอเว็บไซต์ของคุณจากช่องทางไหน อย่างเช่น เขาอาจจะเจอมาจากช่องทาง Paid Search หรือ Social หรือ อาจจะเป็น Referral ซึ่งค่าที่ผมเพิ่งบอกไปมันเรียกว่า Default Channel Grouping เป็นค่าที่ทางอนาไลติกได้จัดกรุ๊ป มาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถ้ามีช่องทางอื่นๆ ที่เหนือไปจากที่ทางระบบได้ทำมาเป็น Default เอาไว้ให้ ก็จะถูกรายงานในส่วนที่เรียกว่า “Other” 

และเพื่อให้สามารถตรวจสอบช่องทางของ Users ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณนได้นั้น จำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ UTM Parameter เพื่อบอกให้กับทาง GA ได้รู้ว่าคนที่กำลังเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ เขาเข้าผ่านมาจากช่องทางไหน โดยตัวรูปร่างของลักษณะก็จะเป็นแบบนี้ 

https://digi-era.co?utm_source=internal&utm_medium=google-analytics-is

จากลิ้งด้านบน เมื่อคุณคลิกเข้าไปผมก็จะเห็นใน Report ของ Analytics ว่าคุณมาจากลิ้งที่เป็น Internal (ลิ้งจากภายในเว็บของตัวเอง) โดยเข้าผ่านมาจากบทความที่เรียกว่า Google Analytics คืออะไร เป็นต้น ซึ่งผมได้อธิบายหลักในการใช้งาน Default Channep Grouping และ UTM ไว้ในบทความก่อนหน้านี้แล้ว

Behavior Reports

ในส่วนนี้จะทำการรายงานผลออกมาในแบบที่บอกว่า คนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณได้อ่านบทความในหน้าไหนบ้าง โดยจะรายงานผลออกมาในรูปแบบของ Pageviews หรือบอกได้ง่ายๆ ว่า หน้านั้นๆ ได้ถูกเปิดอ่านไปแล้วเป็นจำนวนกี่ครั้ง นั่นเอง นอกจากนั้นยังรายงานผลในด้านอื่นๆ อีก เช่น การตรวจสอบว่าในมีคนคลิกปุ่มแอดไลน์บ้างหรือไม่

ซึ่งในภาษาเทคนิคเราจะเรียกกันว่า การตั้งค่า Event ใน Google Analytics และเช่นเดียวกันผมได้ทำเคสตัวอย่างของการทำอีเว้นท์คลิกเอาไว้แล้ว สามารถอ่านได้ครับในจากลิ้งที่เนียนใส่ไว้นั่นแหละ

Conversions Reports

ส่วนสุดท้ายเราจะเรียกกันว่า Conversions Report โดยในส่วนนี้จะทำการรายงานผลได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ทำการติดตั้ง Goal เป็นที่เรียบร้อย แต่เพื่อให้เข้าใจคำว่า Goal มากขึ้นแนะนำให้อ่าน Conversions คืออะไร เพราะมันก็หลักเดียวกันเพียงแต่ใน GA เราจะเรียกกันว่า Goal แค่นั้นเอง

แต่ถ้าสำหรับใครที่ไม่ได้เปิดเว็บไซต์มาเพื่อขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เหมือนกับ Lazada, Shopee แนะนำให้ดูที่ eCommerce Report และเช่นเดียวกันถ้าต้องการที่จะดูรีพอร์ทในส่วนนี้คุณต้องทำการตั้งค่ามันเสียก่อน ไม่เช่นนั้นไม่สามารถที่จะอ่านค่าได้อย่างแน่นอน โดยการตั้งค่า eCommerce ผมได้อธิบายเอาไว้แล้วในบทความนี้ > การตั้งค่า Enhance eCommerce ด้วย Tag Manager ผ่าน WordPress + WooCommerce

เทคนิคการอ่านค่าต่างๆ ของ Google Analytics

ใน Google Analytics จะแบ่งการรายงานผลออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน แบบแรกเราจะเรียกกันว่า Dimenison และอีกส่วนเราจะเรียกว่า Metric แล้วมันต่างกันอย่างไรละ? 

Dimension

เรียกได้ง่ายๆ ว่ามันคือหัวข้อต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้า Dimension ของเราเป็น Channel Grouping การรายงานผลก็จะเป็นค่าที่บอกออกมาประมาณนี้ Paid Search, Social Media, Referral เป็นต้น 

Metric

มันก็คือผลที่แสดงออกมาเป็นในรูปแบบของ ตัวเลขบ้าง เปอร์เซ็นต์ หรือ ค่าเฉลี่ย โดยจะรายงานให้สอดคล้องกับ Dimension ที่เราได้เลือกเข้ามา และในส่วนของ Report ต่างๆ ที่เป็น ABC ก็จะมีรูปแบบของ Dimension และ Metric ที่ต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น

เราต้องดูการรายงานผลของส่วนที่เรียกว่า Acquisition Report ตัวที่เรียกว่า Dimension ก็จะเป็น Channel ต่างๆ เช่น Paid Search, Social Media แต่ในส่วนของ Metric ก็จะเป็น Users, Sessions, Bounce Rate เป็นต้น ซึ่งแต่ละเมทริกจะมีรายงานผลที่ต่างกันออกไป โดยเมทริกที่น่าสนใจสำหรับการทำเว็บ และเราเขียนอธิบายเอาไว้ค่อนข้างก็คงจะเป็น Bounce Rate คืออะไร รับรองว่าสนุกแน่นอน

สรุป

Google Analytics เป็นเครื่องที่ใช้สำหรับการรายงานผลว่าคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณนั้นเป็นใคร มาจากไหน เขาชื่นชอบอะไร และเขาได้ทำแอคชั่นบ้างหรือไม่ มันก็คือรีพอร์ทตัวหนึ่งที่เราต้องมี และขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตามในโลกนี้ไม่ได้มีแค่ GA เท่านั้นที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ หากแต่ว่ายังมี Tools คล้ายๆ กันที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร เช่น Piwik Analytics (Matomo), Adobe Analytics หรือ Histats เป็นต้น หากแต่ว่าไม่ค่อยมีแบบไหนที่ฟรี และใช้ดีเท่า แค่นั้นเอง

ที่สำคัญในบทความนี้ผมเน้นไปที่ Google Analytics แบบ Universal Analytics แต่ถ้าใครสนใจที่จะ Upgrade ไปที่เวอร์ชั่น 4 แนะนำให้อ่านบทความล่าสุดของผมครับ > Google Analytics 4 Property คืออะไร