การทำโฆษณาด้วย Google Search เราจะต้องทำ Keyword Planning เสมอเพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดไหนถึงจะมีความเหมาะสมกับธุรกิจของเรา รวมทั้งเราควรที่จะใช้คีย์เวิร์ดแบบไหนถึงจะสามารถทำให้โฆษณาของเรานั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น แต่อีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถดูคีย์เวิร์ดอื่นๆ ได้นอกเหนือจากการใช้แพลนเนอร์นั้นก็คือ การใช้งาน Search Term Reports
เลือกอ่านเฉพาะบางหัวข้อที่คุณต้องการ
Search Term Reports คืออะไร และควรนำไปใช้ยังไง?
Search Term Reports หรือเรียกกันว่า STR เป็นรีพอร์ตที่ทาง Google จะบอกกับคนที่ลงโฆษณาว่าด้วยคีย์เวิร์ดที่เราได้นำมาใช้เป็นเป้าหมายนั้น (Target Keyword) สามารถที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตามที่เราคิดไว้หรือไม่ รวมทั้งอาจจะบอกแนวทางคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่เราอาจจะไม่เคยคิดมาก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับ Search Term Report จะทำงานได้มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องรู้จัก การใช้ Keyword Match Type ให้ถูกต้องเพื่อที่จะทำให้คำค้นหาของคุณนั้นตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเมื่อ Search Term มันคือคำค้นหาที่ทาง Google บอกเราว่าคีย์เวิร์ดเหล่านี้เป็นคำที่คนใช้หา แล้วเจอโฆษณาของคุณ เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องวิเคราะห์เหมือนกับการทำ Keyword Planner ที่จะต้องดูว่าด้วยคำดังกล่าวเราจะทำอะรได้บ้าง เช่น นำไปใช้สำหรับเป็น Negative Keywords หรือ นำมาสร้างเป็นแคมเปญใหม่ หรือใส่กลับเข้าไปในแคมเปญเดิมก็ได้ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกดูได้ทั้งแบบที่เป็นทุกคีย์เวิร์ด หรือเฉพาะคีย์เวิร์ดนั้นๆ ก็ได้
การนำ Search Term Report มาสร้างเป็น Negative
Google Ads คิดเงินด้วยการที่มีคนคลิกที่คำโฆษณาของคุณ ดังนั้นทางที่จะทำให้โดนกินเงินได้น้อยที่สุด ก็ต้องควรที่จะมั่นจัดการทำ Negative Keyword เป็นประจำ อาจจะเป็นสัปดาห์ละครั้ง (weekly) หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง (Bi-Weekly) แล้วแต่ว่าจะเลือกแบบไหน หรืออาจจะแบบรายวันก็ยังได้ แต่ข้อมูลอาจจะอัพเดตช้าหน่อย เมื่อเข้าในหน้า Search Term Report แล้วเราจะต้องดูว่าคำค้นหาคำๆ นั้น ตรงกับคีย์เวิร์ดหรือมีความใกล้เคียงกับสินค้าหรือบริการของเราหรือไม่ ถ้าไม่เราก็สามารถที่จะทำ Negative ได้ แต่มันยังมีความใกล้เคียงอยู่ก็อาจจะลองพิจารณาว่าคำนั้นๆ จะเอามาทำอะไรได้อีกบ้าง
ใช้ Search Term Report ในการหาไอเดียใหม่ๆ
แน่นอน Google ไม่ได้บอกเพียงแค่คีย์เวิร์ดควรที่จะต้องทำ Negative แต่ใน Search Term Report จะคอยบอกเราอยู่เสมอๆ ว่า มีคีย์ไหนบ้างที่เราจะสามารถนำมาใช้งานได้ โดยอาจจะสร้างเป็นอีกแคมเปญหนึ่ง หรือจับใส่เข้าในแคมเปญเดิมก็ได้ โดยอาจจะดูจากยอด Conversions เป็นหลัก เพราะคีย์นั้นๆ ได้สร้างยอดขายให้กับเรา ซึ่งจะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะต้อง ติดตั้ง Conversion Pixel ก่อนนะครับ นอกจากนั้นมันยังทำหน้าที่บอกอีกด้วยโครงสร้างแคมเปญของคุณนั้นมีการ Overlap กันหรือไม่
Search Term Report อัพเดตอะไรในปี 2020
ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาอาจจะได้เห็นว่า Google ได้ส่ง Notification เข้ามาใน Account โดยบอกว่าในปีนี้ได้ทำการอัพเดต Search Term Report ใหม่โดยจะทำให้เราได้เห็นข้อมูลได้น้อยลง โดยจะโชว์เพียงแค่คำค้นหาที่มีคนค้นหามากๆ ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคำๆ ไหนที่มีการค้นหาน้อยๆ อาจจะโชว์ให้เราได้เห็นได้น้อยลง ซึ่งเท่ากับว่าเราอาจจะเสียโอกาสในการทำ Negative หรือได้เห็นคำค้นหาที่อาจจะนำมาใช้เป็น Target ใหม่ๆ ได้ สามารถอ่านต่อได้จาก Google Support นะครับ
ตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 รายงานข้อความค้นหาจะรวบรวมไว้แต่ข้อความที่มีผู้คนจำนวนมากใช้ค้นหาเท่านั้น และยังมีข้อมูลการสร้างให้เกิดการคลิกของข้อความนั้นอีกด้วย คุณจึงอาจเห็นว่าข้อความค้นหาน้อยลง
สรุป
Search Term Report หรือ STR มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มทำ Google Ads หรือทำมานานแล้ว เพราะคุณจะสามารถเรียนรู้ได้ว่าคีย์เวิร์ดที่คนใช้ใน Google มีอะไรบ้าง และสามารถเป็นคำที่ตรงกับที่คุณต้องการหรือไม่ อย่างไรก็ตามถ้า Search Term ของคุณดูแล้วมันออกทะเลไปค่อนข้างมาก และไม่ตรงกับคำค้นหาที่คุณนำมาใช้เป็น Target เลย ให้ลองดูที่ Keyword Match Type ของคุณ โดยดูว่าคำที่ใช้เป็น Match Type แบบไหน เพราะถ้ามันกว้างไป STR ของคุณก็จะกว้างตามไปด้วย ดังนั้นระวังให้ดี ถ้าอยากเรียนรู้ให้ลึกมากกว่าแค่เรื่องของ Search Term สามารถสมัครเรียนทำ Google Ads ได้กับผมนะครับ คลิกเลย