สำหรับคนที่เริ่มแคมเปญใหม่ๆ อาจจะต้องปวดหัวกับหลายๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นจะ Spend เท่าไหร่ดี หรือควรที่จะใช้ Keyword ไหนดี และอีกหลายๆ ปัญหาที่จะตามมาในภายหลังเมื่อได้เปิดแคมเปญไปได้สักระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นในวันนี้ Digi Era จึงอยากนำเสนอแนวที่อาจจะทำให้คุณเริ่มทำ Campaign ใหม่ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมประกอบไปด้วย
เลือกอ่านเฉพาะบางหัวข้อที่คุณต้องการ
ควรเลือกใช้ Keyword Planner และ Target ให้ถูกต้อง
ถ้าหากต้องการที่จะทำให้ Adwords ของคุณนั้นประสบผลสำเร็จ และสามารถหาลูกค้าได้จะต้องเลือกใช้ Keyword Planner ให้คล่อง รวมไปจนถึงต้องเข้าใจรูปแบบของธุรกิจตัวเองเพื่อที่จะเลือกคีย์เวิร์ดที่ถูกต้องต่อกลุ่มเป้าหมายได้ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นการซื้อ Adwords แบบเปล่าประโยชน์
ทางที่ดีในแต่ละ Ad Group ควรที่จะมีกลุ่มคำหรือคีย์เวิร์ดไม่เกิน 10 คีย์เวิร์ดเพื่อที่จะสามารถจัดการเรื่องของ Ads ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และจะสามารถทำให้ CPC ถูกลง รวมไปจนถึง Ad Rank หรือ Qaulity Score ที่สูงขึ้นทำให้ Ads ของคุณนั้นสามารถอยู่ใน Top ได้เสมอ
หมั่นจัดการ Search Term & Negative Keyword
เมื่อได้เปิดแคมเปญออนไลน์ไปได้สักประมาณ 7 – 14 วัน คุณก็ควรที่จะตรวจสอบด้วยว่า จริงๆ แล้ว คีย์เวิร์ดที่คนใช้ในการหาจริงๆ นั้นตรงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่ เพราะถ้าหากเจอคีย์เวิร์ดที่ไม่ได้ตรงกับสินค้า หรือบริการเลยก็อาจจะทำให้คลิกนั้นไม่มีประโยชน์ และมีค่า Cost ที่สูงจนเกินเหตุ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณได้เลือกคีย์เวิร์ด “ประกันสุขภาพ” แต่มีคนหาว่า “ประกันท่องเที่ยว” แล้ว Ads ของคุณก็ได้โชว์สำหรับคีย์เวิร์ดนี้
มันก็จะทำให้เกิด Clicks ที่ไม่อาจจะส่งผลทำให้เกิด Leads ได้ เพราะสิ่งที่คนค้นหา ไม่ใช่สิ่งที่คุณนำเสนอ ดังนั้นเมื่อได้ Search Term ที่คิดว่าคีย์เวิร์ดนี้แหละ ไม่ควรเอามาใช้สำหรับแคมเปญของคุณก็ควรที่จะ Negative ออกไป เพื่อที่จะทำให้ระบบไม่ต้องโชว์ Ads ของคุณอีก ก็จะทำให้ค่าคลิกของคุณนั้นลดลงได้ เพราะจะทำให้คีย์เวิร์ดของคุณนั้นมี Quality Score ที่ดี เพื่อส่งผลให้ Ad Rank นั้นดีขึ้นกว่าเดิม
ควรมี Ads ที่สามารถทำให้เกิด Actions ได้
การทำ SEM กฏเหล็กข้อหนึ่งที่จะทำให้ค่าคลิกนั้นถูกลงได้นั่นก็คือ การสร้างทำให้คีย์เวิร์ดนั้นมี Quality Score อยู่ในระดับน่าพอใจตั้งแต่ 8, 9 หรือ 10 เพื่อทำให้ค่า Average CPC นั้นถูกลงได้ โดยโฆษณาที่จะสามารถส่งผลได้นั้นจะต้องมีหลักง่ายๆ ดังนี้
- HeadLine 1 – จะต้องประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดที่ได้เลือกใช้ อย่างเช่น ถ้าเลือกคีย์เวิร์ดอย่าง ประกันสุขภาพ แต่โฆษณาดันเขียนว่า ประกันชีวิต แบบนี้รับรองได้เลย Ads ของคุณอาจจะมีโอกาสโชว์ได้น้อยกว่าเดิม อย่างแน่นอน
- Landing Page – จะต้องมี Speed ในการโหลดที่ค่อนข้างรวดเร็วไม่ควรเกินไปกว่า 10 วินาที อย่างไรก็ตามนอกจากความเร็วแล้ว ในตัว Landing Page ก็จำเป็นที่จะต้องมีคอนเทนส์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณเช่นเดียวกัน
ในหนึ่ง AdGroup ก็ไม่ควรที่จะมี Ads เพียงแค่ 1 แบบ แต่ควรที่จะมีด้วยกัน 3 – 4 แบบ คละกันไปเพราะทาง Google จะเลือก Ads ที่มี Performance ดีที่สุดเสมอ ดังนั้นการเลือกใช้หลายๆ Ads ใน Ad Group ก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่าแบบไหน เป็น Ads ที่ีดีและสามารถนำไปปรับใช้ได้อีกใน Ad Group อื่นๆ
ลืมที่จะติดตั้ง Conversions Pixel ในหน้า Thanks Page
การเลือกใช้ SEM มักจะเป็น KPI ที่ต้องการจะให้ลูกค้าเข้ามาสมัครสมาชิก Newsletter, Purchasing Online หรือ Leads เป็นต้น ดังนั้นคุณก็ไม่ควรที่จะพลาดในการติดตั้ง Conversions Pixel ในหน้า Thanks Page เพื่อตรวจสอบด้วยว่าตัวโฆษณาที่ได้นำเสนอไปนั้นมี Performance ดีหรือแย่อย่างไร แต่ถ้าติดไปแล้วก็ควรที่จะตรวจสอบด้วยว่าถูกต้องหรือไม่ หรือถ้ายังไม่เคยติดตั้งก็ลองใช้ วิธีการติดตั้ง Pixel ผ่าน GTM ซึ่งทำได้ง่าย และสะดวกกว่ใช้แบบ Hard Coding
ถ้า Account Adwords มีปัญหาก็ลองหลังไมค์มาสอบถามได้นะครับที่ Fan Page ของผม จะพยายามตอบในทุกๆ คำถามจาก – https://www.facebook.com/digieraco