ในบทความนี้ Digi Era รวบรวมอัปเดทต่างๆ ที่น่าสนใจสำหรับ Google Ads ที่ได้เกิดขึ้นในปี 2021 มารีแคปกันอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีฟีเจอร์ไหนบ้างที่น่าสนใจ หรือเราเองยังไม่ได้ใช้มัน ในปีนี้เราเองอัปเดทบทความค่อนข้างน้อย เลยมาทีเดียวลงมันปลายปีเสียเลย

ลาก่อน ‘Broad Match Modifier’ หรือ BMM

เมื่อต้องทำ Search Ads (SEM) การเลือกใช้คีย์เวิร์ดคือสิ่งแรกที่เราต้องทำ และแม้ว่าเราจะเลือกคีย์เวิร์ดมาได้แล้ว เราก็จำเป็นที่จะต้องรู้จักประเภทของคีย์เวิร์ดเช่นเดียวกัน โดยเรามักจะเรียกัน ‘Keyword Match Type’ และในปี 2021 ทาง Google ได้ยกเลิกที่จะให้คนทำโฆษณาเลือกใช้คีย์เวิร์ดประเภท Broad Match Modifier และให้เหลือเพียงแค่ Exact, Phrase และ Broad เพียงเท่านั้น

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่ Keyword Match Type คืออะไร พร้อมอัพเดทครั้งใหม่ปี 2021 โดยได้ยกเลิกไปเมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา และเมื่อได้อัปเดท ทาง Digi Era ได้ลองเปรียบเทียบ ‘Search Term Report’ ให้ได้ดูว่า ความแตกต่างนั้นมีเยอะขนาดไหน สามารถอ่านได้ที่ Phrase Match ต้องใช้อย่างไรเมื่อต้องมาทำหน้าที่แทน BMM

เตรียมพร้อมกับการจากไปของ ‘Expanded Text Ads’ 

ในเดือนมิถุนายนปี 2022 – Google ได้ประกาศที่จะไม่ให้การสนับสนุนกับการสร้าง หรือแก้ไข Ads Copy แบบ Expanded Text Ads อีกต่อไป และจะบังคับให้เรามา สร้างแบบ Responsive Search Ads แทน ซึ่งเราจะต้องสร้าง Headline อย่างน้อย 3 – 15 ชิ้น โดยที่ระบบจะสามารถสลับให้คุณเอง รวมไปจนถึงต้องเขียน Description 2 – 4 ชิ้น 

ทั้งนี้ Expanded Text Ads ของเดิม จะยังสามารถที่จะใช้ต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นการ Paused หรือ อยากให้แอดนั้นๆ รันต่อไปเรื่อยๆ หากแต่ว่าจะไม่สามารถที่จะแก้ไข หรือสร้างใหม่ได้ ซึ่งทาง Digi Era ได้นำเสนอเรื่องการสร้าง ETA บน RSA ได้แล้ว สามารถที่จะดูได้ที่ Responsive Search Ads คืออะไร

Reference – https://support.google.com/google-ads/answer/7684791?hl=en

Ads Extension รูปแบบใหม่ ใส่ได้เป็นรูปภาพ

Ads Extension หรือ ส่วนขยาย เป็นส่วนสำคัญที่คนทำ Search Ads จะต้องให้ความสำคัญกับมัน เนื่องจากมันจะมีส่วนช่วยทำให้โฆษณาของคุณ มีอัตราคลิก (CTR%) ที่สูงขึ้น และในปี 2021 กูเกิ้ล ก็ได้ใส่ส่วนขยายเข้ามาใหม่ โดยให้ชื่อว่า Image Extension ที่มีทั้งแบบปกติ และไดนามิก ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกใส่ หรือไม่ก็ได้ โดยรูปภาพที่จะต้องนำมาใช้ จะต้องไม่มี ‘Text’ หรือ ‘Logo’ จะต้องเป็นภาพคลีนๆ 

สามารถศึกษารายละเอียดต่างๆ ได้ที่ https://support.google.com/google-ads/answer/9566341?hl=en เนื่องจากเรื่องนี้ ทาง Digi Era ยังไม่ได้ทำเป็นบทความ

Conversion Updated

เมื่อเราทำโฆษณาเราจำเป็นที่จะต้องวัดผลได้เสมอ ไม่ว่าผลนั้นจะเป็นแบบไหนก็ตาม และเราก็มักจะเรียกมันว่า ‘Conversion’ ซึ่งในปีนี้กูเกิ้ลเองก็ได้มีอัปเดตเข้ามาเหมือนกัน โดยเรียกฟีเจอร์นี้ ‘Enhanced Conversion’ สำหรับธุรกิจไหนที่ติดตั้ง Google Ads Conversion Pixel เอาไว้น่าจะเห็นฟีเจอร์นี้มาสักพักหนึ่งแล้วละ โดยที่ Google บอกว่าสำหรับฟีเจอร์นี้จะทำให้เราสามารถแทรคคอนเวอร์ชั่นได้ตรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเราก็จำเป็นที่จะต้องให้ข้อมูลบางส่วนกับทาง Google อาทิเช่น อีเมล, เบอร์โทร หรือชื่อ ผ่านทาง Pixel อย่างไรก็ตามค่าต่างๆ จะถูก ‘Hash’ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกเผยแพร่ ลักษณะแบบนี้จะเท่ากับว่า Enhanced Conversion ออกจะคล้ายๆ กับ Advance Matching ของทางฝั่ง Facebook นั่นเอง

สำหรับ ‘Conversion’ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ Google ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดมาให้ สำหรับตอนสร้างแคมเปญ อันที่จริงอันนี้ไม่ได้ใหม่สักเท่าไหร่ แต่น่าจะเป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อเพียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้น่าจะใช้่ ‘Campaign Conversion Action’ อะไรทำนองนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะให้คนทำโฆษณาสามารถเลือกได้ว่าแคมเปญนี้ต้องการจะ ‘Target’ คอนเวอร์ชั่นประเภทไหน แคมเปญ A อาจจะเป็น ‘Purchase’ หรือ แคมเปญ B อาจจะเป็น ‘Leads’ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ‘Digi Era’ เห็นว่าวิธีนี้เหมาะสำหรับแคมเปญที่มีคีย์เวิร์ดที่ต่างกัน เพราะแม้ว่า ‘Action’ จะต่างกัน เราจะสร้างแคมเปญมาสองแคมเปญแล้วอยากใช้ Keyword เดียวกัน สำหรับทั้งสองแอคชั่น อาจจะทำไม่ไ่ด้ เพราะปกติแล้ว Google จะต้องเลือกอันที่ดีที่สุดเสมอ วิธีแบบนี้น่าจะเหมาะกับ ‘Display/Discovery’ หรือคีย์เวิร์ดอื่นๆ ที่นอกเหนือจากคีย์เวิร์ดที่เราตั้งเอาไว้ตั้งแต่ต้น

Smart Bidding Strategies

ในบางแอคเค้าท์ ณ ตอนนี้น่าจะได้เห็นมากันแล้วบ้างว่าตัว ‘Bid Strategies’ ถูกลดให้เหลือเพียงแค่ ‘Maximize Conversion, Maximize Conversion Value, Maximize Click, Target Impression Share และ Manual CPC เท่านั้น อย่าเพิ่งตกใจว่า ‘Target CPA และ Target Roas’ นั้นหายไปไหน เพราะกูเกิ้ลได้นำมาทั้งสองมาเป็นตัวเลือกแบบ ‘Optional’ ใน Maximize Conversion หรือ Maximize Conversion Value อย่างไรก็ตาม Manual CPC + Enhanced CPC ยังคงอยู่เหมือนเดิม

แต่ว่าสุดท้ายอันนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนให้กับทุกแอคเค้าท์ เพราะเท่าที่สังเกตุยังมีบางแอคเค้าท์ที่ยังสามารถจะใช้ Bidding แบบเดิมได้อยู่นั่นก็คือ ‘Target CPA’ หรือ ‘Target Roas’ แต่เราก็ไม่รู้ว่ากูเกิ้ลจะปล่อยแบบ ‘Full’ เมื่อไหร่ ซึ่งทาง Google จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

https://support.google.com/google-ads/answer/10353027

Performance Max

เป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่ทาง Google น่าจะเพิ่งเปิดให้ใช้งานได้ไม่นาน สำหรับแอคเค้าท์ทั่วๆ ไป สามารถลองเข้าไปเลือกใช้กันได้ อย่างไรก็ตาม ‘Performance Max’ เป็นแคมเปญอีกประเภทหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถลงโฆษณาในทุก ‘Network’ ของ Google ในที่เดียว อาทิเช่น ‘Search, Display, Youtube, Gmail หรือ Discovery Ads’ เอาเป็นว่าในรอบหน้าเราจะลองสร้างแคมเปญเล่นๆ กันดูว่าจะต้องสร้างแบบไหน และทำอย่างไร รอติดตามกันได้เลย

Google Budget report

คนทำ Google Ads ต่างทราบกันดีว่าเราจะต้องตั้งค่าการจ่ายเงินเป็นแบบ Daily Spend และกูเกิ้ลเองก็มีสิทธิ์ที่จะใช้จ่ายเกินได้ในแต่ละวัน ทำให้ในแต่ละเดือนการใช้จ่ายอาจจะไม่ได้ตรงตามเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ ไม่เหมือนกับทาง Facebook ที่มี ‘Lifetime Budget’ ที่ระบบจะสามารถใช้จ่ายตามยอดประมาณที่เราได้ใส่ลงไป ดังนั้น Budget Report ของ Google ออกมาเพื่อให้คนทำโฆษณาสามารถดูรายงานได้ว่าในแต่ละวันมีการใช้จ่ายเท่าไหร่ ของแคมเปญนั้นๆ รวมทั้ง Forecast ว่าในเดือนนั้นคุณจะใช้จ่ายเท่าไหร่ ด้วยงบประมาณที่คุณได้ตั้งเอาไว้

สรุป

ในปี 2021 กูเกิ้ลได้อัปเดตฟีเจอร์ใหมาๆ มาให้ได้ลองใช้กันพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘Performance Max’ ที่ถือว่าเป็น ‘Smart Campaign’ อีกรูปแบบหนึ่งที่จะทำให้คนทำโฆษณาอย่างเรา ทำงานได้ง่ายขึ้น หรือการเพิ่ม Image Extension เข้ามาเพื่อให้เราสามารถจะอัปโหลดรูปภาพเพื่อนำไปแสดงบน Google Search ได้ เป็นต้น และหวังว่าในปี 2022 จะเป็นอีกปีที่กูเกิ้ลน่าจะมีอะไรเข้ามาทำให้เกิดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่ไม่มี ‘Third-Party Cookies’ สุดท้ายขอให้ทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ มีความสุขในช่วงวันปีใหม่ และขอให้ความสุขกับการ ‘Optimized’